ตอนที่ 4.1 ความหมาย ลักษณะทั่วไป และการเกิดสิทธิยึดหน่วง
เรื่องที่ 4.1.1 ความหมาย และลักษณะทั่วไปของสิทธิยึดหน่วง
ปพพ. มาตรา 241ผู้ใด เป็นผู้ครอง ทรัพย์สิน ของผู้อื่น และ มีหนี้ อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตน เกี่ยวด้วย ทรัพย์สิน ซึ่ง ครองนั้นไซร้ ท่านว่า ผู้นั้น จะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้น ไว้จนกว่า จะได้ชำระหนี้ ก็ได้ แต่ความที่กล่าวนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อ หนี้นั้น ยังไม่ถึงกำหนด
อนึ่ง บทบัญญัติ ในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้า การที่เข้าครอบครองนั้น เริ่มมาแต่ การอันใดอันหนึ่ง ซึ่ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สิทธิยึดหน่วงเป็นทรัพยสิทธิ คือเป็นสิทธิซึ่งมีอำนาจเหนือตัวทรัพย์ซึ่งเกิดขึ้นโดยอำนาจของกฎหมายเท่านั้น ไม่อาจตกลงโดยคู่กรณี และเมื่อเกิดสิทธิแล้วเจ้าหนี้ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงก็ใช้สิทธิยึดหน่วงทรัพย์ของผู้อื่นไว้ได้
สิทธิยึดหน่วงเป็นทรัพยสิทธิประเภทอุปกรณ์สิทธิหรือสิทธิที่เป็นอุปกรณ์แห่งสิทธิของหนี้ประธาน เป็นการประกันการใช้หนี้เช่นเดียวกับ จำนอง จำนำ เมื่อหนี้ประธานระงับ อุปกรณ์สิทธิก็ระงับไปด้วย
เรื่องที่ 4.1.2 การเกิดสิทธิยึดหน่วง
1. หลักเกณฑ์การเกิดสิทธิยึดหน่วง มาตรา 241 ต้องมีองค์ประกอบครบ 4 ประการ
ปพพ. มาตรา 241ผู้ใด เป็นผู้ครอง ทรัพย์สิน ของผู้อื่น และ มีหนี้ อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตน เกี่ยวด้วย ทรัพย์สิน ซึ่ง ครองนั้นไซร้ ท่านว่า ผู้นั้น จะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้น ไว้จนกว่า จะได้ชำระหนี้ ก็ได้ แต่ความที่กล่าวนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อ หนี้นั้น ยังไม่ถึงกำหนด
อนึ่ง บทบัญญัติ ในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้า การที่เข้าครอบครองนั้น เริ่มมาแต่ การอันใดอันหนึ่ง ซึ่ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อพิจารณาจากมาตรา 241 หลักเกณฑ์การเกิดสิทธิยึดหน่วง ต้องมีองค์ประกอบครบ 4 ประการ
1) ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น
ปพพ. มาตรา 1367
บุคคลใด ยึดถือ ทรัพย์สิน โดยเจตนา จะยึดถือ เพื่อตน ท่านว่า บุคคลนั้น ได้ซึ่ง สิทธิครอบครอง
2) ได้การครอบครองโดยชอบ
3) มีหนี้เป็นคุณเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่ครอง
ในการครองทรัพย์ผู้อื่นโดยชอบนั้นต้องมี
(1) ต้องมีความผูกพันทางหนี้อยู่
(2) เป็นหนี้ที่เกี่ยวกับทรัพย์ที่ครองนั้น
4) หนี้นัีนต้องถึงกำหนดชำระ
ปพพ. มาตรา 243
ในกรณีที่ ลูกหนี้ เป็นคนสินล้นพ้นตัว ไม่สามารถใช้หนี้ เจ้าหนี้ มีสิทธิจะ ยึดหน่วง ทรัพย์สิน ไว้ได้ แม้ทั้งที่ ยังไม่ถึง กำหนดเรียกร้อง ถ้า การที่ลูกหนี้ ไม่สามารถใช้หนี้นั้น ได้เกิดเป็นขึ้น หรือ รู้ถึงเจ้าหนี้ ต่อภายหลังเวลา ที่ได้ส่งมอบ ทรัพย์สิน ไซร้ ถึงแม้ว่า จะไม่สมกับลักษณะ ที่เจ้าหนี้รับภาระ ในมูลหนี้ไว้เดิม หรือ ไม่สมกับคำสั่ง อันลูกหนี้ได้ให้ไว้ ก็ดี เจ้าหนี้ก็อาจจะ ใช้สิทธิยึดหน่วงได้
เป็นคนสินล้นพ้นตัว มีความหมายเดียวกับ เป็นคนหนี้สินล้นพ้นตัว
2. ข้อยกเว้นที่ทำให้ไม่เกิดสิทธิยึดหน่วง
ปพพ. มาตรา 242
สิทธิยึดหน่วงอันใด ถ้า ไม่สมกับลักษณะ ที่เจ้าหนี้รับภาระ ในมูลหนี้ ก็ดี ไม่สมกับคำสั่ง อันลูกหนี้ ได้ให้ไว้ ก่อน หรือ ให้ในเวลาที่ส่งมอบ ทรัพย์สินนั้น ก็ดี หรือ เป็นการขัดกับ ความสงบเรียบร้อย ของประชาชน ก็ดี สิทธิยึดหน่วง เช่นนั้น ท่านให้ถือว่า หามีไม่เลย
ลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ได้บัญญัติในมาตรา 242 คือ
1) ไม่สมกับลักษณะที่เจ้าหนี้รับภาระในมูลหนี้
2)ไม่สมกับคำสั่งอันลูกหนี้ได้ใ้ห้ไว้ก่อนหรือในเวลาที่ส่งมอบทรัพย์
3) ขัดกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ตอนที่ 4.2 ผลของสิทธิยึดหน่วงและความระงับแห่งสิทธิยึดหน่วง
เรื่องที่ 4.2.1 ผลของสิทธิยึดหน่วง
เมื่อเกิดสิทธิยึดหน่วงขึ้นแก่เจ้าหนี้แล้ว เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิและตกอยู่ในบังคับแห่งหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติในมาตรา 244, 245, 246, 247 และ 2481. สิทธิของเจ้าหนี้ ผลของการยึดหน่วงทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิ 3 ประการ
(1) สิทธิที่จะยึดทรัพย์ไว้ได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้จนสิ้นเชิง มาตรา 241, 244
(2) สิทธิในดอกผล มาตรา 245
อาจแยกได้ 2 กรณี
2.1 สิทธิเก็บดอกผล
2.2 สิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากดอกผลนั้นก่อนเจ้าหนี้รายอื่น (แม้กระทั่งมากกว่า บุริมสิทธิ)
(3) สิทธิได้ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น มาตรา 245, 247
2.หน้าที่ของเจ้าหนี้ มาตรา 246 จากบทบัญญัติเจ้าหนี้ที่ใช้สิทธิยึดหน่วง มีหน้าที่ 2 ประการ คือ
2.1 หน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์ที่ยึดหน่วงตามสมควร มาตรา 246 วรรคแรก2.2 หน้าที่ต้องไม่เอาไปใช้สอย หรือให้เช่า หรือทำเป็นหลักประกัน มาตรา 246 วรรคสอง
ปพพ. มาตรา 244
ผู้ทรง สิทธิยึดหน่วง จะใช้สิทธิของตน แก่ ทรัพย์สิน ทั้งหมด ที่ยึดหน่วงไว้นั้น จนกว่า จะชำระหนี้สิ้นเชิง ก็ได้
ไม่ทำให้เกิดบุริมสิทธิ
ปพพ. มาตรา 245
ผู้ทรง สิทธิยึดหน่วง จะเก็บ ดอกผล แห่ง ทรัพย์สิน ที่ยึดหน่วงไว้ และ จัดสรรเอาไว้ เพื่อการชำระหนี้ แก่ตน ก่อนเจ้าหนี้คนอื่น ก็ได้
ดอกผล เช่นว่านี้ จะต้องจัดสรร เอาชำระ ดอกเบี้ย แห่งหนี้นั้นก่อน ถ้า ยังมีเหลือ จึงให้จัดสรร ใช้ต้นเงิน
มาตรา 246 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจำต้องจัดการดูแลรักษาทรัพย์สิน ที่ยึดหน่วงไว้นั้นตามสมควร เช่นจะพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะ เช่นนั้น


ปพพ. มาตรา 247
ถ้า ผู้ทรง สิทธิยึดหน่วง ต้องเสียค่าใช้จ่ายไป ตามที่จำเป็น เกี่ยวด้วย ทรัพย์สิน อันตนยึดหน่วงไว้นั้น เพียงใด จะเรียกให้ เจ้าทรัพย์ ชดใช้ให้ ก็ได้
ปพพ. มาตรา 248
ภายในบังคับ แห่งบทบัญญัติ มาตรา ๑๙๓/๒๗ การใช้สิทธิยึดหน่วง หาทำให้ อายุความแห่งหนี้ สะดุดหยุดลงไม่
ปพพ. มาตรา 150 การใด มีวัตถุประสงค์ เป็นการ ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นการ พ้นวิสัย หรือ เป็นการ ขัดต่อ ความสงบเรียบร้อย หรือ ศีลธรรมอันดี ของประชาชน การนั้น เป็นโมฆะ |
เรื่องที่ 4.2.2 ความระงับแห่งสิทธิยึดหน่วง
สิทธิยึดหน่วงเป็นสิทธิอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้ มีขึ้นเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ประธาน สิทธิยึดหน่วงจะมีได้ก็เมื่อมีหนี้ประธานอยู่ก่อนแล้ว เมื่อหนี้ประธานระงับไป สิทธิยึดหน่วงก็ระงับไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหนี้ประธานอาจยังมีอยู่ สิทธิยึดหน่วงก็อาจระงับไปด้วยเหตุดังต่่อไปนี้
1) เจ้าหนี้ฝ่าฝืนหน้าที่ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 246 การฝ่าฝืนหน้าที่ของเจ้าหนี้มิได้ทำให้สิทธิยึดหน่วงระงับไปทันที เพียงแต่เป็นเหตุให้เกิดสิทะิแก่ลูกหนี้ที่จะเรียกร้องให้ระงับสิทธิยึดหน่วงนั้นสียโดยเรียกทรัพย์คืน แต่ลูกหนี้ต้องใช้สิทธิทางศาลเท่านั้น
2) ลูกหนี้หาประกันมาให้ตามสมควร
3) การครองทรัพย์สูญสิ้นไป
ปพพ. มาตรา 250
การครอง ทรัพย์สิน สูญสิ้นไป สิทธิยึดหน่วง ก็เป็นอัน ระงับสิ้นไปด้วย แต่ ความที่กล่าวนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับแก่ กรณีที่ ทรัพย์สิน อันยึดหน่วงไว้นั้น ได้ให้เช่าไป หรือ จำนำไว้ ด้วยความยินยอม ของลูกหนี้
การครอง ทรัพย์สิน สูญสิ้นไป สิทธิยึดหน่วง ก็เป็นอัน ระงับสิ้นไปด้วย แต่ ความที่กล่าวนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับแก่ กรณีที่ ทรัพย์สิน อันยึดหน่วงไว้นั้น ได้ให้เช่าไป หรือ จำนำไว้ ด้วยความยินยอม ของลูกหนี้
4) การระงับโดยเหตุอื่น
เช่น ทรัพย์ที่ยึดไว้กลายเป็นของผู้ยึดหน่วงเอง, ถ้าทรัพย์ที่ยึดหน่วงไว้ถูกทำลายสลายลง
สิทธิยึดหน่วงกับสิทธิในสัญญาต่างตอบแทนมีความแตกต่างกันอย่างสำคัญอย่างน้อย 3 ประการ ดังนี้
1.1 สิทธิในสัญญาต่่างตอบแทนเป็นสิทธิปฏิเสธชำระหนี้ตอบแทน โดยที่คู่สัญญายังไม่ได้มีฝ่ายใดปฏิบัติการชำระหนี้เลย เป็นเรื่องก่อนการชำระหนี้
แต่สิทธิยึดหน่วงตามมาตรา 241 ไม่ใช่สิทธิปฏิเสธไม่ชำระหนี้เพราะสิทธิจะเกิดขึ้นต่อเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ปฏิบัติการชำระหนี้ในส่วนของตนไปแล้วจนเกิดมีหนี้เป็นคุณแก่ตนขึ้น
1.2 สิทธิตามสัญญาต่างตอบแทนจำกัดอยู่เฉพาะกรณีของหนี้ตามสัญญา และต้องเป็นสัญญาต่างตอบแทนด้วย
ส่วนสิทธิยึดหน่วงของเจ้าของหนี้ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นหนี้ที่เกิดจากสัญญาเพียงอย่างเดียว อาจเป็นหนี้ที่เกิดจากการจัดการงานนอกสั่ง หรือหนี้ที่เกิดจากเหตุอื่นก็ได้
1.3 สิทธิของเจ้าหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการครองทรัพย์ใดๆ มาก่อน
ส่วนสิทธิยึดหน่วงเจ้าหนี้จะต้องได้ครองทรัพย์ที่ยึดหน่วงอยู่ก่อนแล้วจึงจะเกิดสิทธิยึดหน่วงได้
2. สิทธิยึดหน่วงกับสิทธิจำนอง จำนำ จริงๆแล้วคล้ายๆกันแต่สิทธิยึดหน่วงมี่ข้อจำกัดหลายประการ ดังนี้
2.1 เจ้าหนี้จำนอง จำนำ มีสิทธิที่จะบังคับเอาชำระหนี้จากตัวทรัพย์ได้โดยตรง แต่สิทธิยึดหน่วง ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิเพียงยึดทรัพย์นั้นไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ (เว้นแต่ฟ้องร้องอาศัยอำนาจศาล)
2.2 สิทธิยึดหน่วงต้องมีหนี้เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้ครอง แต่กรณีจำนอง จำนำ ทรัพย์สิินที่เอามาประกันอาจไม่เกี่ยวกับหนี้เลย
2.3 สิทธิจำนอง จำนำนั้นเป็นประกันพิเศษ เจ้าหนี้จำนองจำนำมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์นั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นโดยไม่ต้องไปขอเฉลี่ยทรัพย์ แต่สิทธิยึดหน่วงนั้นไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อน ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงต้องไปขอเฉลี่ยทรัพย์เหมือนเจ้าหนี้สามัญอื่นๆ
เช่น ทรัพย์ที่ยึดไว้กลายเป็นของผู้ยึดหน่วงเอง, ถ้าทรัพย์ที่ยึดหน่วงไว้ถูกทำลายสลายลง
ตอนที่ 4.3 ข้อพิจารณาบางประการเกี่ยวกับสิทธิยึดหน่วง
เรื่องที่ 4.3.1 สิทธิยึดหน่วงไม่มีอายุความและไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง มาตรา 248
จากบทบัญญัติมาตรา 248 ก่อให้เกิดผล 2 ประการคือ
1. สิทธิยึดหน่วงไม่มีอายุความ
ปพพ. มาตรา 193/27
ผู้รับจำนอง ผู้รับจำนำ ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วง หรือ ผู้ทรงบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สิน ของลูกหนี้ อันตนได้ยึดถือไว้ ยังคงมีสิทธิ บังคับชำระหนี้ จากทรัพย์สิน ที่จำนอง จำนำ หรือ ที่ได้ยึดถือไว้ แม้ว่า สิทธิเรียกร้อง ส่วนที่เป็นประธาน จะขาดอายุความแล้ว ก็ตาม แต่จะใช้สิทธินั้น บังคับให้ชำระ ดอกเบี้ย ที่ค้างย้อนหลัง เกินห้าปีขึ้นไป ไม่ได้
ผู้รับจำนอง ผู้รับจำนำ ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วง หรือ ผู้ทรงบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สิน ของลูกหนี้ อันตนได้ยึดถือไว้ ยังคงมีสิทธิ บังคับชำระหนี้ จากทรัพย์สิน ที่จำนอง จำนำ หรือ ที่ได้ยึดถือไว้ แม้ว่า สิทธิเรียกร้อง ส่วนที่เป็นประธาน จะขาดอายุความแล้ว ก็ตาม แต่จะใช้สิทธินั้น บังคับให้ชำระ ดอกเบี้ย ที่ค้างย้อนหลัง เกินห้าปีขึ้นไป ไม่ได้
2. สิทธิยึดหน่วงไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
เรื่องที่ 4.3.2 สิทธิยึดหน่วงกับสิทธิในสัญญาต่างตอบแทน และสิทธิยึดหน่วงกับสิทธิจำนอง จำนำ
1. สิทธิยึ่ดหน่วงกับสิทธิในสัญญาต่างตอบแทนปพพ. มาตรา 369 ในสัญญาต่างตอบแทนนั้น คู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง จะไม่ยอมชำระหนี้ จนกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง จะชำระหนี้ หรือ ขอปฏิบัติการชำระหนี้ ก็ได้ แต่ความข้อนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้า หนี้ของคู่สัญญา อีกฝ่ายหนึ่ง ยังไม่ถึงกำหนด |
สิทธิยึดหน่วงกับสิทธิในสัญญาต่างตอบแทนมีความแตกต่างกันอย่างสำคัญอย่างน้อย 3 ประการ ดังนี้
1.1 สิทธิในสัญญาต่่างตอบแทนเป็นสิทธิปฏิเสธชำระหนี้ตอบแทน โดยที่คู่สัญญายังไม่ได้มีฝ่ายใดปฏิบัติการชำระหนี้เลย เป็นเรื่องก่อนการชำระหนี้
แต่สิทธิยึดหน่วงตามมาตรา 241 ไม่ใช่สิทธิปฏิเสธไม่ชำระหนี้เพราะสิทธิจะเกิดขึ้นต่อเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งได้ปฏิบัติการชำระหนี้ในส่วนของตนไปแล้วจนเกิดมีหนี้เป็นคุณแก่ตนขึ้น
1.2 สิทธิตามสัญญาต่างตอบแทนจำกัดอยู่เฉพาะกรณีของหนี้ตามสัญญา และต้องเป็นสัญญาต่างตอบแทนด้วย
ส่วนสิทธิยึดหน่วงของเจ้าของหนี้ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นหนี้ที่เกิดจากสัญญาเพียงอย่างเดียว อาจเป็นหนี้ที่เกิดจากการจัดการงานนอกสั่ง หรือหนี้ที่เกิดจากเหตุอื่นก็ได้
1.3 สิทธิของเจ้าหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการครองทรัพย์ใดๆ มาก่อน
ส่วนสิทธิยึดหน่วงเจ้าหนี้จะต้องได้ครองทรัพย์ที่ยึดหน่วงอยู่ก่อนแล้วจึงจะเกิดสิทธิยึดหน่วงได้
2. สิทธิยึดหน่วงกับสิทธิจำนอง จำนำ จริงๆแล้วคล้ายๆกันแต่สิทธิยึดหน่วงมี่ข้อจำกัดหลายประการ ดังนี้
2.1 เจ้าหนี้จำนอง จำนำ มีสิทธิที่จะบังคับเอาชำระหนี้จากตัวทรัพย์ได้โดยตรง แต่สิทธิยึดหน่วง ผู้ทรงสิทธิมีสิทธิเพียงยึดทรัพย์นั้นไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ (เว้นแต่ฟ้องร้องอาศัยอำนาจศาล)
2.2 สิทธิยึดหน่วงต้องมีหนี้เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้ครอง แต่กรณีจำนอง จำนำ ทรัพย์สิินที่เอามาประกันอาจไม่เกี่ยวกับหนี้เลย
2.3 สิทธิจำนอง จำนำนั้นเป็นประกันพิเศษ เจ้าหนี้จำนองจำนำมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์นั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นโดยไม่ต้องไปขอเฉลี่ยทรัพย์ แต่สิทธิยึดหน่วงนั้นไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อน ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงต้องไปขอเฉลี่ยทรัพย์เหมือนเจ้าหนี้สามัญอื่นๆ